สถานการณ์ในฉนวนกาซายังคงตึงเครียด เมื่อ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อผู้นำตะวันตก โดยกล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่า เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ, เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา มีจุดยืน “เข้าข้างกลุ่มฮามาส” และต้องการให้กลุ่มนี้ยังคงมีอำนาจในกาซา
ในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เนทันยาฮูกล่าวว่า การเรียกร้องให้ยุติการโจมตีในฉนวนกาซาเท่ากับเป็นการ “สนับสนุนให้กองทัพฆาตกรต่อเนื่องของฮามาสอยู่รอด” พร้อมตำหนิผู้นำทั้งสามว่ากำลังอยู่ “ผิดฝั่งของความยุติธรรม มนุษยธรรม และประวัติศาสตร์”
คำตำหนิจากนานาชาติ และการตอบโต้ของอิสราเอล
ท่าทีของเนทันยาฮูมีขึ้นหลังจากที่อังกฤษ ฝรั่งเศส และแคนาดา ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประณามอิสราเอลจากการขยายปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา และการจำกัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยขู่ว่าจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม หากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ด้าน ทำเนียบขาว ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นโดยตรงต่อคำพูดของเนทันยาฮู แต่ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้นำอังกฤษเคยประณามเหตุโจมตีสถานทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน และเรียกการต่อต้านชาวยิวว่าเป็น “ความชั่วร้ายที่ต้องกำจัด”
ความเห็นจากภายในอิสราเอลเอง
เสียงวิจารณ์การดำเนินนโยบายของรัฐบาลอิสราเอลไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในต่างประเทศ เอฮุด โอลแมร์ต อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับรายการ Newshour ของ BBC โดยเรียกรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าเป็น “กลุ่มอันธพาล” และตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของปฏิบัติการในกาซา ซึ่งเขาเห็นว่า “ใกล้เคียงกับอาชญากรรมสงคราม”
คำวิจารณ์นี้ได้รับการตอบโต้จากรัฐมนตรีศึกษาธิการของอิสราเอล ซึ่งกล่าวว่าโอลแมร์ตควร “ละอายใจ” กับการแสดงความเห็นในลักษณะดังกล่าว
ภาพรวมความเสียหายจากสงคราม
อิสราเอลเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาหลังจากกลุ่มฮามาสบุกข้ามพรมแดนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 คร่าชีวิตผู้คนกว่า 1,200 ราย และจับตัวประกัน 251 ราย อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่ตามมานั้นสร้างผลกระทบรุนแรงต่อพลเรือน โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในกาซา (ภายใต้การควบคุมของฮามาส) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 53,762 ราย รวมถึงเด็กกว่า 16,500 คน