ท่ามกลางกระแสข่าวการทุจริตภายในวัดไร่ขิง ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาของสังคม หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือกรณีของ นางสาวอรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “สีกาเก็น” ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียักยอกทรัพย์ของวัด ที่มีการตรวจสอบพบว่า เธอถือครองทรัพย์สินหรูหรา ทั้งบ้าน คอนโด และที่ดินมูลค่ารวมกว่า 41 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง ปีเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่มีความสนิทสนมกับ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ “ทิดแย้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง
ต้นตอคดีวัดไร่ขิง สู่การขยายผลทรัพย์สินบุคคลใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการ ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตในวัดไร่ขิงว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สิน บัญชีธนาคาร และรายงานการเงินของวัดและมูลนิธิที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลเหล่านี้มีปริมาณมากและต้องอาศัยเวลาการตรวจสอบอย่างละเอียด
ขณะเดียวกัน การขยายผลไปยังบุคคลใกล้ชิดกับอดีตเจ้าอาวาสวัดก็เริ่มมีความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจจากการครอบครองทรัพย์สินผิดสังเกต
ทรัพย์สินหรูในมือ “สีกาเก็น” จากแม่ค้าขายผัก สู่เจ้าของอสังหาฯ หลายสิบล้าน
จากข้อมูลการสืบสวน พบว่า น.ส.อรัญญาวรรณ ครอบครองทรัพย์สินจำนวนมากในช่วงเวลาอันสั้น รายการทรัพย์สินที่ตรวจพบ ได้แก่:
- บ้านแฝด 2 ชั้น หมู่บ้านจัดสรรใน จ.นครปฐม มูลค่า 4.3 ล้านบาท
- คอนโดหรูใน จ.นครปฐม และพัทยา รวมมูลค่ากว่า 8.4 ล้านบาท
- ที่ดินในทำเลทองหลายจังหวัด เช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เลย ราชบุรี รวมมูลค่ารวมประมาณ 28 ล้านบาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 41 ล้านบาท และส่วนใหญ่อยู่ในชื่อของเธอโดยตรง
ที่น่าสนใจคือ แหล่งที่มาของทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยพบว่าเดิมที น.ส.อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มมีอาชีพขายผักบริเวณหน้าโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม รายได้รวมกันเพียงประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ก่อนจะเริ่มผันตัวมาเป็นนายหน้าค้าที่ดินในช่วงปลายปี 2567 แต่ก็ยังไม่มีรายได้หลักจากอาชีพนี้อย่างชัดเจน
ความเชื่อมโยงกับ “ทิดแย้ม” จุดสำคัญที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์
การถือครองทรัพย์สินจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้นของ “สีกาเก็น” สร้างข้อสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่สอบสวนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าช่วงเวลาที่เธอเริ่มสะสมทรัพย์สินจำนวนมาก ตรงกับช่วงที่มีความสนิทสนมกับ “ทิดแย้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดียักยอกเงินของวัดเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยงระหว่างการได้มาซึ่งทรัพย์สินของ “สีกาเก็น” กับเงินของวัดที่สูญหายไป ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่
บทสรุปที่ยังไม่จบ
คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก และหลายฝ่ายกำลังจับตาดูว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ การเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของ “สีกาเก็น” ถือเป็นหนึ่งในเบาะแสสำคัญที่อาจช่วยคลี่คลายคดีนี้ และเปิดโปงเครือข่ายการทุจริตที่ฝังลึกในสถาบันศาสนา